เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็มาถึงเวลาที่จะวางแผนจริงๆจังๆในการลงมือทำเสียที่ ทั้งนี้เพื่อให้ ม.ปลายปีสุดท้ายของเรา เป็นความทรงจำที่เจ๋งที่สุด

         แรกเริ่มเดิมที Cocktail นั้นไม่ใช่ชื่อวง แต่เป็นชื่อ Project และชื่อ Album บู๊เสนอชื่อนี้มาในบ่ายวันหนึ่ง เพราะเห็นว่าเป็นชื่อที่่มีความหมายของการผสมกันของ เครื่องดื่มต่างรส  คงคล้ายๆกันกับงานของเราที่เป็นการรวมตัวของนักเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดม   ซึ่งต่อมาเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งได้บอกว่า เพราะในช่วงนั้นข้อสอบภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนออก ข้อสอบ Reading Comprehension (การอ่าน) เรื่อง   Cocktail ออกมาพอดี   อย่างไรก็เถอะความหมายมันก็รับกับงานของเราอยู่แล้ว

หลังจากได้ชื่ออัลบั้ม แล้ว การรวบรวมนักดนตรี และคนที่สนใจจะทำเข้ามาจึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องจัดการกัน

                      แรกเริ่มเลยคือเรากับบู๊สองคนมีเพลงแต่งมาแล้วพอสมควร จำได้ว่าแรกเริ่มเลย ส่วนของโอมมีเพลง ซ้ำซ้อน และ ยิ้มให้ฉันหน่อย และสำหรับบู๊ ก็มีเพลงอย่างหลบหน้า อยาก และรักไม่ลงตัว ส่วนเพลงที่เหลือเรากะเว้นที่ไว้สำหรับคนอื่นๆ ที่อาจเข้าร่วมอีก ซึ่งในตอนแรก เราคิดจะ ดึงเอานักดนตรีจาก Living Room เข้ามาด้วยเพราะว่า ขณะนั้นพวกเขาถือว่าเป็นคนดังประจำรุ่นไปเสียแล้ว เราจึงติดต่อไปยังตอง เพื่อมาทำอัลบั้มรวมงานเพลงเด็กเตรียมอุดมกัน ซึ่งสุดท้ายตองก็ไม่สามารถมาเล่นกันกับเราได้ เนื่องจากต้องเตรียมตัว entrance 

                  เราและบู๊ ได้ มิน ซึ่งเป็นเพื่อนอีกคนในรุ่นที่มีเพลงแต่งเองมาเสนอว่าอยากร่วมทำด้วยอีก คน  เพลงนี้จึงกลายมาเป็นเพลง UFO ในอัลบั้มในที่สุด

เนื่องจากการที่ตองไม่สามารถร่วมงานกับเราได้ เราจึงต้องแต่งเพลงเพิ่มกันกับบู๊จนครบ 10 เพลง  และเพลงสุดท้ายของงานในตอนนั้น ก็คือ เศษซากความฝัน นั่นเอง

              สำหรับนักดนตรีในชุดทั้งหมดนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพื่อนสายวิทย์ของบู๊เกือบทั้งหมด  โดยแบ่งออกเป็นสองวงดังนี้

วงแรก ตั้งชื่อว่าวง forte (เป็นภาษา Italian แปลว่า ดัง ดัง)ซึ่งเราเป็นคนตั้งเอง โดยมีสมาชิก ทั้งหมด 5 คนรวมเรา โอมมาร้อง ส่วนที่เหลืออีก 4 คนเป็นวงของบู๊ที่มีอยู่แต่แรกแล้ว  คือ บู๊ ตีกลอง เกน ร้อง หลง เบส และ ธิปเล่นกีตาร์

วงที่สอง เป็นชื่อที่ผสมจากวง Sofa และ Friday ที่พวกเขาชื่นชอบ ได้เป็นวง Fri-fa โดยในวงมี ท๊อป และ พีท ร้อง

  อ๊ะเล่นเบส เค ตีกลอง  บู๊ ซึ่งเล่นสองวงก็มาเล่นกีตาร์ด้วย

ส่วนมินเจ้าของเพลง UFO มาเป็น Guest โดยมีวง Forte เล่น Backup ให้มินร้อง

โดยแบ่งสัดส่วนเพลงออกเป็น 6 เพลงของ Forte  และ  Fri-fa 4 เพลง

ใครที่ลงชื่อไว้ทุกตอนที่ได้อ่าน ทำให้เราทราบได้ว่าอ่านประจำ เราจะ พิมพ์เป็นเล่มส่งไปให้ถึงบ้านเลยดีไหมครับ?

เอาไว้อ่านเวลาฟังเพลงชุดใหม่นะ 

เห็นด้วย ลงชื่อเลยครับ

               ก่อนหน้าที่เราจะได้เจอกับบู๊ เราเองก็เริ่มที่จะสนใจแต่งเพลงเล่นๆบ้างแล้วแต่เราเองก็ไม่เคยเล่น หรือร้องให้ใครฟัง จนกระทั่งเราได้เจอบู๊  ไม่ใช่เพราะพิศวาสมันหรอกนะ..

              ทั้ง Concert Living Room และ อัลบั้ม Drum Complement ของบู๊ เป็นแรงผลักดันให้เราคิดถึงการทำเพลงเป็นอัลบั้มออกวางขาย  โดยมีเพลงจากเพื่อนๆในโรงเรียนมารวมกันทำ 

                เราอัดเพลงแรกที่แต่งได้ลงเทป แล้วเอาไปให้บู๊ฟังในที่สุด บู๊เรียนอยู่ตึกเดียวกันกับเราเพียงแต่อยู่ชั้นบนเท่านั้นจึงหาตัวได้ไม่ยากเท่าไร  จำได้ว่าบู๊พูดว่าเพลงแปลกดีนะ   ก่อนที่จะเริ่มคุยกันถึงอัลบั้มให้เป็นรูปเป็นร่าง

อันดับแรกเลยเราตั้งใจจะยืมใช้ห้องอัดของคนรู้จัก แต่หลังจาก ค้นคว้าข้อมูลอยู่สักช่วงหนึ่งเราจึงเห็นว่าเป็นไปได้ยาก และไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันเองได้   เพราะเราจำเป็นต้องมี Technician และ Sound Engineer ที่เป็นงานดูแลเราซึ่งยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ Music Production    ส่วนห้องที่บู๊เคยใช้อัด Drum Complement ก็ใช้ไม่ได้เสียแล้ว 

โชคดีที่ว่าเราได้เจอกับครูสอนเปียโนของเราตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเราเล่าเรื่องโครงการของเราให้ฟัง ครูก็แนะนำห้องอัดมาให้ห้องหนึ่ง ชื่อว่า Peter Panซึ่งแฟนของครูเคยทำงานอยู่

เราจึงรีบติดต่อเข้าไป  และพบว่าเราต้องใช้เงินราว 50,000 บทในการอัด และต่อมาก็พบอีกว่าต้องจ่ายอีกราว 35,000เพื่อทำปก  ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ห้องอัดอีกต่อไปแล้ว อยู่ที่เงินต่างหาก

เราตัดสินใจที่จะขอยืมคุณพ่อคุณแม่ของเราทั้ง 85,000 นั้น หลังจากปรึกษากันเป็นเวลานานกับบู๊ และสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจที่จะคืนเงินได้แน่คือยอดขาย  เนื่องจากเพื่อนเรามีเยอะมาก และเราคิดจะทำขายในโรงเรียนเหมือนเป็นอัลบั้มที่รวมเพลงจากเพื่อนๆ ในรุ่น เพราะอย่างนั้นแล้ว เมื่อ รร เตรียมอุดมศึกษามีนักเรียนทั้งหมด 4,500 คน เราก็น่าจะขายได้ราว 700-800 เป็นอย่างน้อย เมื่อคิดเสียว่าเป็นการขายตรงโดยไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว     ซีดีราคาแผ่นล่ะ  160 บาท เราก็ไม่น่าจะขาดทุนได้เลย

 ส่วนนี้เป็นความประทับใจส่วนตัวของเรา เพราะคุณพ่อคุณแม่ท่านใหห้ยืมเงินทันที โดยไม่ได้ทัดทานอะไรมาก

เรามาทราบทีหลังจากคุณแม่ว่า คุณแม่ทัดทานคุณพ่อแล้ว แต่คุณพ่อ บอกว่า “อยากให้ลูกทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง หากเขาทำสำเร็จ เขาก็จะได้มีความภูมิใจ  ต่่อให้เสียมากกว่านี้ก็คุ้มถ้าเขาจะได้เรียนรู้” 

ซึ่งในตอนนั้นแล้วถือว่าคุณพ่อวัดใจกับเรามากๆ เพราะเราเองก็ถือได้ว่าเป็นเด็กเกเรคนหนึ่งเหมือนกัน  เราจึงไม่เคยลืมประโยคนี้ของคุณพ่อเลย

ถ้าแรงบันดาลใจในการเริ่ม Cocktail ของเราคือ

1. Living Room

2.การพบกับบู๊

สิ่งนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจสุดท้ายสำหรับเราที่จะทำงานนี้ให้ลุล่วงไปให้ได้ และความรักของคุณพ่อคุณแม่ ก็ยังคงเป็นแรงผลักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ชีวิตเราจะมีจนถึงวันนี้

ในที่สุด

 

85,000 นั้นเราคืนได้ภายในหนึ่งอาทิตย์หลังการขาย

เพลงที่บูีได้ฟังในวันนั้นกลายมาเป็นเพลงแรกที่อัด และเพลงแรกของอัลบั้ม ชื่อว่า “ยิ้มให้ฉันหน่อย”

 

 

 

             บู๊ เป็นเพื่อนคนแรกของเราที่เราเห็นว่าทำดนตรีแบบ indy และทำให้เราเริ่มที่จะรู้จักโลกของ Indy มากขึ้น

ก่อนที่เราจะรู้จักบู๊เราเองก็เคยได้ยินเดี่ยวกับการก่อตัวขึ้นของ ค่ายอย่าง Black Sheep และ Indy Cafe’ในเวลานั้น พร้อมๆ กับการกลับมาของกระแส Indy ซึ่งเงียบไปตั้งแต่ราวปี 40

         บู๊ทำอัลบั้มออกขายเองในโรงเรียนเตรียมพร้อมทั้งฝากขายที่ ดีเจสยามร้านเทปชื่อดัง ภายใต้ชื่ออัลบั้ม Drum Complement ซึ่งเจ้าตัวเอ่ยปากว่า ในภาษาคณิตศาสตร์ หรืออะไรเนี่ย Complement แปลว่ายกเว้น Drum Complement จึงแปลว่าไม่มีกลอง นั่นเอง  ดังนั้นเพลงทั้งชุดของ บู๊จึงไม่มีเสียงกลองมาให้ได้ยินแม้แต่น้อย   เจ้าตัวยังบอกไว้อีกด้วยว่าเพราะเป็นมือกลองมานาน เลยอยากทำอัลบั้มที่ไม่มีเสียงกลองดูบ้าง  ตรงนี้แหละที่ทำให้เรารู้สึกว่าบู๊เป็นคนไอเดียบรรเจิดเสียเหลือเกิน คือเขาเป็นคนกล้าคิด กล้าแหวก และที่เหนืออื่นใด “กล้าที่จะทำ”

            ผมจำได้ว่าบู๊บอกว่า อัลบั้มนี้ทำมาทั้งหมด 500 แผ่นและขายหมดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งใน โรงเรียน และที่ดีเจสยาม

ทุกวันนี้แม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่มีแผ่นเก็บเอาไว้เลย นอกจากนี้แแล้ว งานของบู๊ยังได้ลงในเวป สำหรับดนตรี Indy ชื่อดังอย่าง Coolvoice.com อีกด้วยนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับบู๊

บู๊มีพ่อเป็นดีเจอยู่ที่สุโขทัย เมืองเกิดของบู๊ ทำให้หายๆครั้งเขาได้มีโอกาสเป็นดีเจรับเชิญอยู่บ้าง และเพราะแบบนี้เองพรสวรรค์ทางดนตรีของบู๊จึงถูกลับคมยิ่งกว่าเดิม

 

การพบกันของเรากับบู๊ และ การเกิดขึ้น ของ Concert Drum Complement ถ้าไม่มี 2 สิ่งนี้ Cocktail คงยังไม่ได้เริ่มต้นเสียเลย 

            จากวันแรกที่ Cocktail วางขายในงานกีฬาสีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เมื่อปี 2545  นี่ก็ 5 ปีกว่าแล้ว นึกถึงวันนั้นทีไรยังสนุกอยู่เลย

ความทรงจำในค่ำฤดูร้อน  1.

        ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เราจำได้ว่าวันหนึ่งชั่วโมงแนะแนวในหอประชุมที่น่าเบื่อหน่ายก็กลายเป็นสนุกขึ้นมาเมื่อเพื่อนๆ สายวิทย์ดนตรี (ซึ่งขณะนี้ยกเลิกสายไปแล้ว) ได้รวมตัวกันจัดการแสดงดนตรี The Living Room ขึ้น คาบเรียนในวันนั้นจึงได้กลายเป็นการโปรโมตคอนเสิร์ตแทนไปเสีย

        ตอนนั้นจำได้ว่า ตอง เพื่อนร่วมรุ่นซึ่งเป็นลูกชายของคุณ วินัย พันธุรักษ์ ขึ้นร้องเพลงเหนื่อยใจ ของ XL Step  พร้้อมบรรเลงเปียโนเอง

มันเพราะจับใจเราจนทุกวันนี้  ตองร้องเพลงได้เพราะจริงๆ   ซึ่งหลังจากงานครั้งนั้น ตองก็กลายเป็น Celebrity คนหนึ่่งของโรงเรียน ส่วนเพลง เหนื่อยใจก็กลายมาเป็นเพลงที่ผมร้องบ่อยๆ เมื่อเล่นกีต้าร์ ตั้งแต่นั้นมา   

การแสดงผ่านไปจนถึง ช่วงท้าย ตองเดินเข้าไปในกลุ่มคนดู ถือไมโครโฟนไร้สายติดตัวไปหยุดอยู่หน้า คนกลุ่มหนึ่งซึ่งส่งเสียงเชียร์ดังลั่นให้ส่งไมค์ให้เพื่อนอีกคนหนึ่ง แจม  เราจำได้ไม่ชัดว่าเพลงอะไรตอนนั้นแต่ที่แน่ๆทั้งสองคนร้องเพราะ

ใครจะคิดว่าคนที่่ร้องเพลงเพราะขนาดนั้น จะกลายมาเป็นมือกลองของ Cocktail ในที่สุด ก่อนที่เค้าจะแยกตัวออกไปทำหน้าที่ที่สมกับความสามารถจริงๆ อย่างการเป็นนักร้องนำของ Sky Kick Renger 

“บู๊” เป็นชื่อที่ดูห้าวหาญเอามากในสายตาเรา ถ้าจะเทียบกับเสียงร้องหวานๆ ของมันล่ะก็นะ

บู๊เป็นคนที่มีพรสวรรค์างดนตรีล้นเหลือ คือทั้งล้น และ เหลือ จริงๆนะ ไอเดียของเขาล้นตลลออดเวลา ส่วนเพลงก็แต่งไว้มากพอที่จะเหลือไว้ทำชุดอื่นประจำ

เมื่อตอนอยูู่ ม6 มีโอกาสได้ฟังเพลงของบู๊ครั้งแรกจากการเล่นอะคูสติกสบายๆข้างสนามบาส ตอนเย็นๆ ของบู๊  โดยมีกองเชียร์อย่างเพื่อนๆวิทย์เกษตร(ซึ่งก็ยุบไปแล้ว) สายของบู๊ คอยเป็นกำลังใจให้

เพลงนี้เพราะจริงๆ

เพลงนี้ชื่อ “เธอ ดอก ไม้ เมฆฝน และ ความรัก”

ลองฟังกันดูนะ 

http://www.imeem.com/people/Ld9pQww/music/rLLj9MCY/drum_mp3/

จากอัลบั้ม Drum Compliment 2544

ความทรงจำในค่ำฤดูร้อน

 ฤดูร้อนกลับมาเยือนอีกครั้ง ฉันยังคงจดจำฝังใจ เมื่อครั้งมีเธอแนบชิดเคียงกายอยู่

คราวนี้ทุกอย่างจางหาย ไม่มีเธอที่เคยคุ้น ไม่มีมือที่กุมไว้

 

*และฉันยังคงฝังใจ ยังจดยังจำเมื่อครั้งมีเธอแนบเคียงชิดใกล้ ไม่มีความหมาย เมื่อไม่มีเธอ

เคียงอีกต่อไป สิ่งใดสิ่งไหนก็ไม่เหมือนเก่าที่เราเคยเป็น

 

ฤดูฝนผ่านไปจนหน้าหนาว ฉันยังคงจดจำเรื่องราวเมื่อครั้งที่เราเคยมี เมื่อเธออยู่ตรงนี้

อยู่กับฉัน แม้วันคืนผ่านเท่าไร ยังคงฝังใจไม่ลืม

*

เปรียบเป็นดั่งฝนตกในคืนหน้าร้อนเหมือนเป็นน้ำตาของใครยังคงรินไหล เหตุใดคืนนี้ฉันถึงยังคงเหน็บหนาวจับใจ

ฤดูไหนๆก็ไม่เหมือนเก่า เมื่อไม่มีเรา

และฉันยังคงฝังใจ

 

ฤดูร้อนกลับมาเยือนคราวนี้ ฉันยังคงเฝ้าหาวิธีที่จะได้ลืมเธอ

 

 

 

promotion picture

March 31, 2008

dsc03862.jpg

ถ่ายรูปกันมาแล้วครับ

เหนื่อย และร้อน

ขอขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยงานเมื่อวานมากๆครับ

mv-3.jpgband-mv.jpgband-mv2.jpgband-mv1.jpg

“เวลาเคยพาเรามาพบกัน และ เวลาก็พาให้เราไกลออกไปจากกัน ………..ไม่ได้หมายความ ไว้ตรงไหนเลยนะว่าเราจะไม่กลับมาเจอกันอีกครั้ง  ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับเธอจะเลือกมองโลกอย่างไรผ่านสายตาของเธอ ถ้าเธอเลือกที่จะมองโลกผ่านแว่นดำ เธอก็เห็นมันอย่างนั้นแหละ  แต่ถ้าเธอมองโลกด้วยสายตาของเธอเอง   ฉันก็เชื่อว่าเธอก็คงรู้สึกได้ ว่าเราไม่ได้ไกลกันอีกแล้ว

ฉันรู้ว่าการเชื่อมั่นในอะไรสักอย่างมันยาก  แต่เธอรู้ไหมว่าฉันก็เชื่อมั่นนะ เชื่อว่าเราจะเจอกัน ดังนั้นฉันจึงรอเวลาที่เราจะพบกันอีกครั้ง  

ก็เพราะฉันรู้   …………ว่าเวลาจะพาเรามาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง”  

ขอบคุณสำหรับ กำลังใจ และ ความอดทนในการรอ ครับ

จาก พวกเรา Cocktail

 ————————————————————————————————————————-

Cocktail  3rd Album ~In The Memory Of Summer Romance~

Release Date 1st Quater of 2008

9 new song including “ดาราดับแสง ” and “วราลี”

Pray/ชีวิต/อาจเพราะ/ความทรงจำในค่ำฤดูร้อน/พันธนาการ/ฉันเกิดมาเพื่อให้โลกรู้

Plus : Music Video “ดาราดับแสง ”  

Note : CD will  Include A password for downloading more songs through out this year. 

    ยี่สิบสอง ตุลาคม สองพันห้าร้อยห้าสิบ             

 มีเมลสั้นๆจากเธอส่งมาให้ฉันสองฉบับ

ได้ใจความว่า เราคงยังพบกันไม่ได้

                จริงอยู่ที่เราผ่านอะไรด้วยกันมามากพอควร แต่การถูกบังคับให้ต้องแยกกันดูจะหนักหนากว่าที่เคยเป็น

ความจริงก็คือ ฉันเองที่ทำให้มันกลายเป็นแบบนี้ อาจเป็นเพราะฉันไม่มีความอดทนมากพอ

                 ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันอ่าน เมล 2 ฉบับนั้นซ้ำๆ เมลนั้นลงท้ายว่า “เธอเป็นอย่างไรบ้าง? ติดต่อมาบ้างนะ”

อ่านมาถึงตรงนี้ฉันก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ทั้งดีใจ และเสียใจปนกันไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เหมือนกับว่าจุดหมายในชีวิตของฉันกลับมา

อีกครั้งหนึ่งแล้ว

                       จนกระทั่งฉันได้รับโทรศัพท์ที่ไม่คาดฝัน แต่เวลามีน้อยเหลือเกิน  แต่นั่นแหละฉันถึงยิ่งรู้ว่าเธอมีค่ากับฉันแค่ไหน

 จากตอนนี้ฉันรู้แค่ว่าฉันจะไม่ไปไหน อย่างน้อยก็อยากให้เธอรู้ว่าฉันอยู่ใกล้ๆนะ ถ้าเธอหาฉันไม่เจอ

ไม่ต้องคิดมากนะ แล้วฉันจะหาเธอจนเจอเอง

yours ever

วราลี vs ฉัน

October 21, 2007

ยี่สิบสอง ตุลาคม สองพันห้าร้อยห้าสิบ

วราลีในความทรงจำของฉัน       

                                แล้วฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าอยากจะบันทึกอะไรไว้สักหน่อยก่อนที่กาลเวลาจะเลือนลางความคิดที่มีไป แต่เพราะความทรงจำเกี่ยวกับวราลีมันเยอะเหลือเกิน ฉันคงต้องใช้เวลากับมันหน่อย         

  วันนี้ครบรอบที่เราคบกันพอดี ถ้าเธอจะทันนึกขึ้นมาได้  ถ้าเราต้องแยกจากกันวันนี้คงเท่ห์ดีแต่มันดันเป็นเมื่อวาน  ชีวิตมันไม่เหมือนนิยายจริงๆด้วย 

ฉันพบกับวราลีที่ทะเล เราเลิกกันที่ทะเล <ฉันอยู่ทะเล เธอโทรมาขอเลิกจากกรุงเทพ พอ แถๆไปได้ไหมนะ>

เอาล่ะเริ่มจะนึกอะไรออกบ้างแล้ว มันเริ่มต้นด้วยการขึ้นเสียง เหมือนที่เพลงของซิลลี่ ฟูลส์เคยบอก                                          

   มันมักจะเริ่มด้วยการขึ้นเสียง พอเธอเริ่มฉันก็เริ่มเถียง  

                  การทะเลาะกันเหมือนเป็นเรื่องปกติมันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก แต่มันก็เกิดขึ้นกับเราเหมือนๆกับคู่อื่นๆ ที่เขาเป็นกัน และครั้งนี้ไม่ว่าฉันหรือเธอจะผิด ฉันก็อยากให้เธอรู้ว่าฉันเสียใจ และถ้าทำได้ก็อยากขอโทษต่อหน้าสักครั้ง

……เราน่าจะจบดีกว่านี้ ฉันคิดว่านะ    

                 วราลีเป็นคนใจร้อน อารมณ์รุนแรง แต่ก็เพราะอย่างงั้นสำหรับฉันแล้วเธอจึงเป็นคนมีเสน่ห์ในทุกๆเวลา เพราะเธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองอย่างที่สุด เธอไม่เคยปิดบัง หรือเก็บงำอารมณ์ของเธอเลย เธอไม่รีรอที่จะแสดงออกมาให้รู้ บ่อยครั้งที่ฉันสัมผัสความรักได้มากพอกับความเกลียดที่เธอมีให้ แต่เพราะเธอแสดงออกถึงความรักได้มากกว่าใคร ฉันจึงหลงรักเธอ                  

     วราลี สำหรับฉันคือแรงบันดาลใจ ในชีวิต เป็นความหมายและเป็นเหมือนสิ่งที่ดีที่สุดของวันในแต่ละวัน 

โกรธเธอทีไร นึกถึงเรื่องนี้แล้วหายทุกที 

 คิดถึงมาก

          

yours ever

โอม